วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เรื่องราวที่นักเรียนสนใจ#3 (กว่าจะเป็นแสตมป์)



ขอบคุณภาพจากhttps://www.youtube.com/watch?v=EiO6krDOFik

  หลังจากที่บล็อกก่อนหน้านี้ทั้ง8 ส่วนใหญ่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยเนื้อหาที่ค่อนข้างจะมีสาระซะเหลือเกิน สถานการณ์ของนักเรียนม.6ก็ตึงเครียด ใกล้สอบเข้าไปทุกที มาบล็อกที่9นี้ ซึ่งก็ได้ดำเนินมาถึงบล็อกสุดท้ายแล้ว บล็อกเกอร์ก็เลยขอหยิบเอาเรื่องแพลิดเพลินเบาๆมาเขียนเป็นการพักผ่อนสมอง ลดความเครียดกันบ้าง(หรอ?) ซึ่งเรื่องที่จะนำมาเขียนนี้ก็เป็นเรื่องราวของศิลปินในดวงใจของบล็อกเกอร์เอง เขาเป็นนักร้องหนุ่มตี๋ เสียงอบอุ่น มากความสามารถ บอกแค่นี้ก็คงยังไม่ว่าเป็นใคร แล้วถ้าเพิ่มว่า เป็นนักร้องหนุ่มที่โด่งดังพลุแตกจากการเป็นโค้ชรายการThe voice THล่ะ แน่นอนว่าต้องร้อง อ๋อ โค้ชแสตมป์แน่นอน  ดังขนาดที่ว่าเกิดแสตมป์ฟีเวอร์อยู่ช่วงนึงเชียวล่ะ ไม่ธรรมดาเลยใช่มั้ยล่า แต่กว่าจะมาเป็นศิลปินให้ติ่งได้กรี๊ดกร๊าดกันขนาดนี้มันไม่ได้ง่ายเลยค่า  

ขอบคุณภาพจาก http://album.sanook.com/files/2595931


เริ่มที่ประวัติโดยย่อ

ชื่อจริง อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข  ชื่อเล่น แสตมป์ เนื่องจากแม่ของเฮียแตมป์เดินทางช่วงที่กำลังท้องก็เลยกลัวแท้ง จึงตั้งชื่อแก้เคล็ดว่าแสตมป์ จะได้ติดแน่นเหนียวไม่หลุดไปไหน เกิดเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมพ.ศ. 2525 เป็นนักร้อง นักดนตรี และนักแต่งเพลง จบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนหน้านี้ได้เรียน ปี๑ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่ติดเล่นดนตรีมากเกินไป เรียนไม่ไหวเลยลาออก และปรับตัวใหม่ ก่อนจะสอบเข้าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งในระหว่างการเรียนในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีโอกาสประพันธ์เพลงประกอบละครสถาปัตย์ร่วมกับเพื่อนตั้งเป็นวงดนตรี และส่งไปทางสถานีวิทยุคลื่น 104.5  เฮียแตมป์จึงพลิกผันเข้าสู่วงการดนตรีนับแต่นั้น และได้ร่วมวงกล้วยไทยวงแนวนูเมทัลในตำแหน่งมือกีต้าร์ ต่อมาได้ย้ายไปอยู่วงเซเว่นธ์ซีนในฐานะนักร้องนำ สังกัดค่ายเลิฟอีส และออกอัลบั้มแรกในชื่อเดียวกับวง ในปี พ.ศ. 2548

ขอบคุณภาพจาก http://musicstation.kapook.com/view50083.html



มาดูผลงานเพลงของฮียแตมป์กันเถอะ

อัลบั้ม 7thSCENE เป็นผลงานในนามวง 7thSCENE
อัลบั้ม  Million Ways to Write Part I อัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรกที่ทำให้เขาแจ้งเกิดในเพลง "ความคิด"
อัลบั้ม เพลงที่นานมาแล้วไม่ได้ฟัง
อัลบั้ม ทุกคำที่เธอเอ่ยคือบทกวี
อัลบั้ม Supermarket
อัลบั้ม Stamp Sci-Fi                            

ขอบคุณภาพจาก http://www.trueplookpanya.com

                                     
   นอกจากงานด้านการร้องเพลงและเล่นดนตรีแล้ว เฮียแตมป์ยังเป็นนักแต่งเพลงมือทองอีกด้วย โดยแต่งเพลงให้กับนักร้องและโฆษณาหลายรายการ ซึ่งเพลง "น้ำตา" ของ เบิร์ด ธงไชย นั้น ทำให้เฮียแตมป์ได้รับรางวัล สีสันอวอร์ด มาเป็นรางวัลแรกในชีวิต

ขอบคุณภาพจากhttp://pantip.com/topic/31421792
 ยัง ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น (ความสามารถเยอะไป) เฮียแตมป์ยังมีงานเขียนหนังสือชื่อ ก่อนความฝันจะล่มสลาย หนังสือเล่มนี้ทำให้ได้รู้จักตัวตนของชายคนนี้มากขึ้น   หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่มีฝันแล้วอาจจะท้อในการเดินตามความฝัน หรือใครที่อยากมีไฟในการใช้ชีวิตก็ลองไปซื้อมาอ่านได้ รับรองอ่านแล้วได้แง่คิดและแรงบันดาลใจทำตามฝันแน่นอนค่ะ

ขอบคุณภาพจาก http://talk.mthai.com/topic/414400
   


และบทบาทสุดท้ายของเฮียแตมป์ก็คือ พรีเซนเตอร์นั่นเองงงงง  ช่วงหลังๆมานี่ เห็นเฮียแกออกโทรทัศน์บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น โฆษณา Toyota Prius ,  Lipovitan-D ,  Wrangler  Thailand , CP  , Snack Jack , Listerine , Nokia Lumia Toshiba  ,Vitamilk King Power และอื่นๆอีกมากมาย ( บอกเลย ตัวบล็อกเกอร์เองก็ไล่ใช้ไล่ลองสินค้าที่เฮียแกเป็นพรีเซนเตอร์เกือบหมดละ555555)

ขอบคุณภาพจาก http://www.birmingham.k12.mi.us


ก่อนจากกันไป บล็อกเกอร์ขอนำเสนอช่วง รู้หรือไม่ Did you know ?เกี่ยวกับเฮียแตมป์มาฝากกันค่ะ

- สมัยเรียนบางกะปิ เป็นเด็กเนิร์ดธรรมดา ถูกวัยรุ่นรีดไถเงินประจำ หลังๆพี่แกเลยแลกตังไว้รอ เป็นวิถีการเอาตัวรอด
- เคยให้สัมภาษณ์ว่า เป็นนักดนตรีแล้วไม่มีใครมาไถตังค์ พวกชกต่อยชอบนักดนตรี
- เป็นคนนอบน้อม ไหว้บ่อยมาก สังเกตได้ในรายการThe voice TH
- มีฉายาตอนไปเรียนรด.ว่าไอ้ปลาดุก เพราะเท้าใหญ่กว่าชาวบ้านเค้า
-เฮียแตมป์อยากเป็นรุ่นน้องพี่ป๊อด โมเดิร์นด๊อก เลยเรียนสถาปัตย์ จุฬา แต่เพิ่งมารู้ความจริงว่าพี่ป๊อดเรียนครู  
-เฮียแตมป์อยากเป็นศิลปิน แต่ยังไม่ดังนัก เลยเป็นนักแต่งเพลงเพื่อหารายได้ไปก่อน ดันทำได้ดี เลยแต่งมาจนถึงทุกวันนี้
-ทำเพลงเป็นจริงจังครั้งแรกให้ละครคณะ ทำแผ่นออกขาย  500 แผ่น
- กว่าจะได้ออก  7thSCENE  โดนดองอยู่ 3  ปี
-เกรียนตัวพ่อ และชอบถ่มตัวมาก ชอบแปลงเพลงตัวเองแซวคนอื่น โดยเพลงประจำคือ ความคิด และ คนที่คนก็รู้ว่าใคร
-คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกคือ 'แสตมป์ควบว่าน' เมื่อปี 2553 โดยเป็นคอนเสิร์ตแสดงร่วมกับ ว่าน ธนกฤต
-เคยประกาศจะมีคอนเสิร์ตใหญ่วันที่ 5/5/2555 (เลขสวยจัง555) แต่โดนยกเลิกไปเพราะสปอนเซอร์ถอนตัว
- ตอนเด็กๆชอบซาวเบาด์ แต่ไม่มี เลยไปยืมเพื่อนคนนึงฟัง พอเอาไปคืน เพื่อนคนนั้นก็ตลบหลังบอกว่ายังไม่ได้คืน  พี่แสตมป์เลยต้องชดใช้เงิน ซึ่งแพงมากในสมัยนั้น 2500บาท เพื่อนๆในห้องรู้สถานการณ์เลยช่วยกันลงขันให้ยืมเงิน
- เคยแต่งเพลงร่วมกับนิ้วกลม โดยตั้งชื่อวงล้อเลียนว่า นิ้วแบนด์
- จัดตั้งวงเฉพาะกิจในนาม 3AM ขึ้นมา เพื่อแต่งเพลงให้กำลังใจผู้ประสบปัญหาภัยธรรมชาติ โดยมีสโลแกนว่า "พวกเขาจะรวมตัวกันแสดงดนตรีหรือแต่งเพลง เมื่อมีเหตุด่วนเหตุร้ายที่กระทบจิตใจพวกเขาเท่านั้น จะไม่ยอมไปเล่นงานจ้างเด็ดขาด" หรือ "จ้างให้ก็ไม่เล่น"

สุดท้ายนี้ (ขอจากไปแบบสวยๆนิดนึง) จากที่บล็อกเกอร์ได้เขียนไปก็คงจะทราบแล้วว่ากว่าจะมาเป็นศิลปินที่โด่งดังแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ศิลปินท่านอื่นอีกหลายๆท่านก็คงเช่นกัน ดังนั้นช่วยกันซื้อแผ่นจริงมาฟังเพื่อสนับสนุนศิลปินที่เรารักกันดีกว่าเนอะ

ที่มา


 http://hilight.kapook.com/view/83230?view=full
http://www.manager.co.th/Columnist/ViewNews.aspx?NewsID=9570000052909
http://pantip.com/topic/30579334
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B9%8C_%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82

วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Review/แนะนำการใช้งาน 1 โปรแกรม



ขอบคุณภาพจาก https://itunes.apple.com/th/app/snagit/id492729790?mt=12
เมื่อเทศกาลสั่งรายงานมาถึง หลายๆคนอาจจะกังวลกลัวทำไม่ทัน เนื่องจากบางสาเหตุ หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ตัวบล็อกเกอร์กังวล ก็คือการต้องเอารูปที่มีลักษณะค่อนข้างเฉพาะ  เช่น รูปโครงสร้างสารอินทรีย์  มาใส่ลงในรายงาน  ครั้นจะให้วาดเองก็เสียเวลาแถมยังวาดยาก หรือจะให้ตัดต่อรูปนั้น บางคนก็ทำไม่เป็น(รวมทั้งตัวบล็อกเกอร์ด้วย) วันนี้ บล็อกเกอร์เลยจะมาแนะนำการใช้โปรแกรมที่สามารถจับภาพ copyรูปที่เพื่อนๆต้องการได้เลย นั่นก็คือโปรแกรม Snagit

ว่าแต่มันใช้งานยังไง ทำไรได้บ้างมาดูกันนนน

เมื่อโหลดโปรแกรมเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว แถบโปรแกรมจะอยู่ตรงด้านข้าง   ดังรูป                                     




สมมติว่าเราต้องการ crop รูป ก็ให้กดที่สัญลักษณ์รูปกล้อง Image



เมื่อกดที่สัญลักษณ์รูปกล้อง Imageแล้ว ก็เลือกตัดเอาเฉพาะส่วนที่เราต้องการ  โดยลากกรอบให้ครอบคลุมส่วนที่ต้องการ



หลังจากที่ลากคลุมแล้วจนเป็นที่พอใจแล้ว ให้คลิกซ้ายอีกที แล้วโปรแกรมก็จะรันอีกหน้าต่างหนึ่งขึ้นมาเพื่อทำการแก้ไขภาพ 

 หน้าต่างที่ว่าก็จะมีoptionหลายๆอย่างเลย
(***ในส่วนนี้ บล็อกเกอร์ขออนุญาตอธิบายเท่าที่ตัวบล็อกเกอร์ทราบและใช้บ่อยๆละกันเนอะ)

ริ่มจาก แท็บแรก Tools

  • ไอคอนสี่เหลี่ยมประๆ  :  จะมีแยกเป็นรูปทรงต่างๆไว้ตัดภาพอีกที



  • ไอคอนช่องคำพูดที่มีตัวอักษร : เป็นรูปทรงพวกสัญลักษณ์คำพูดต่างๆที่เราสามารถพิมพ์ตัวอักษรลงไป  มีรูปแบบและสีให้เลือกมากมายตามใจชอบ


  • ลูกศร : จะเป็นลูกศรรูปแบบต่างๆไว้แต่งในภาพ ปรับความยาว-สั้น และเลือกสีสันได้


  • เส้น :ลากเส้นบนภาพ


  • แสตมป์รูปดาว :เป็นคลิปอาร์ตสวย เก๋ ที่ให้เราเลือกใช้ปรับแต่งภาพเพิ่มเติม


  • ปากกา :สำหรับลาก เขียน วง ตกแต่ง


  • ไฮไลท์ : ลากเหมือนครอปภาพ ไฮไลท์ส่วนที่เราต้องการให้เห็นชัด



  • รูปสี่เหลี่ยมที่ซ้อนกับวงกลม : วาดรูปทรงลงบนภาพ


  • ถังสี Fill : เทสีลงบนภาพเหมือนในPaintเลย


  • ยางลบ : ลบส่วนที่ไม่ต้องการทิ้ง


แท็บที่ 2 Image
  • Crop : ตัดภาพ
  • Rotate :เอาไว้หมุนภาพตามองศาที่ต้องการ


  • Cut out :ทำให้ภาพมีรอยแยก  


  • Resize :ปรับขนาดภาพ


แท็บที่3 Share
  เราสามารถเลือกได้ว่ารูปที่เราcropออกมานั้นจะส่งผ่านไปที่ไหน เช่นต้องทำส่งเป็นรายงานก็เลือก ส่งผ่านทางMicrosoft wordได้เลย สะดวกมากๆ


 จบแล้วค่า สำหรับการรีวิวโปรแกรมในครั้งนี้  เป็นไงบ้างคะ โดนใจมั้ย มันช่วยให้เราประหยัดเวลาในการทำงานได้เยอะเลยใช่มั้ยล่ะ เห็นประโยชน์มากมายแบบนี้แล้วก็อย่าลืมไปโหลดมาใช้กันนะคะ

ที่มา
ข้อมูลบางส่วนจาก  http://psspostscript.blogspot.com/2014/03/1st-snagit.html
รูปภาพ : ถ่ายเองค่ะ







วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

แอพพลิเคชันสุดเจ๋ง CamScanner


ขอบคุณรูปภาพจากhttp://apkappslist.com/2015/01/camscanner-pro-apk-full-version-license/

เพื่อนๆเคยประสบกับกับปัญหาสมุดจดหาย จดเลคเชอร์ไม่ทัน  อ่านไฟล์PDFไม่ออกเพราะลายน้ำมันทิ่มแทงตา บ้างมั้ยคะ  ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเพียงแค่มีแอพพลิเคชันCamScanner แอพพลิเคชันที่สามารถสแกนเอกสาร หนังสือ เลกเชอร์บนกระดาน หรือแม้แต่ PowerPoint แล้วเก็บเป็นไฟล์ PDFหรือjpg  ทำให้สะดวกมากขึ้น ไม่ว่าเราจะอยู่ไหน ฝนตกกระหน่ำ รถติดเพียงใด เราก็สามารถอ่านเลกเชอร์ได้โดยไม่ต้องพกสมุด Latop หรือ Tablet ติดตัวมาให้ยุ่งยาก และยิ่งพิเศษไปกว่านั้นสำหรับwindows phone  สามารถแปลงไฟล์PDFกี่ไฟล์ก็ได้ไม่มีลายน้ำให้รำคาญตา ใส่โน้ตเพิ่มเติมในเอกสารได้ และ สามารถแปลงเป็น Microsoft Wordได้อีกด้วย

เป็นไงบ้างคะ เห็นประโยชน์แบบนี้แล้ว อยากโหลดมาใช้กันล่ะสิ  มาดูวิธีการใช้กันก่อนดีกว่า

1.การสแกนเอกสาร สามารถเลือกสแกนเอกสารในมือ หรือจะแสกนจากภาพในตัวเครื่องก็ได้ ถ้าต้องการสแกนจากภาพในตัวเครื่องให้กดที่สัญลักษณ์ที่เป็นรูปภาพที่ซ้อนทับกัน แต่หากต้องการสแกนเอกสารในมือ ให้กดเข้าไปที่สัญลักษณ์รูปกล้องเพื่อเปิดกล้องบนมือถือขึ้นมา



 2.เอามือถือส่องกล้องไปที่เอกสารที่ต้องการสแกน แล้วกดที่สัญลักษณ์กล้องเพื่อทำการสแกนเอกสารที่อยู่ในมือ




3.หากต้องการสแกนเอกสารใหม่ ให้กดลูกศรย้อนกลับ แล้วสแกนเอกสารใหม่อีกครั้ง เมื่อได้เอกสารที่พอใจแล้ว ให้กดเครื่องหมายถูก



4.สามารถเลือกตัดเอาเฉพาะส่วนเอกสารที่เราต้องการได้  โดยลากจุดให้ครอบคลุมเอกสารส่วนที่ต้องการ แต่ถ้าจะปรับให้เอกสารเป็นแนวตั้ง หรือแนวนอน กดที่ลูกศรซ้าย ขวาได้เลย เสร็จแล้วกดเครื่องหมายถูกเพื่อข้ามไปขั้นตอนต่อไป


5.เมื่อสแกนเอกสารเสร็จ หากต้องการปรับความคมชัดของเอกสาร สามารถกดเข้าไปปรับได้ที่สัญลักษณ์แต่งสี (ที่วงกลมสีแดงไว้) ตามที่แต่ละคนต้องการได้เลย





6.แต่ถ้าต้องการปรับแต่งโทนสีของเอกสาร  ให้เข้าไปเลือกได้ที่เมนูบาร์ด้านบน เลือกเป็นแบบสี หรือขาวดำก็ได้ และยังมีโทนอื่นๆให้เลือกเยอะแยะตามใจชอบ

7.หากต้องการใส่โน้ตบนเอกสาร หรือใส่ลายน้ำบนเอกสารเพิ่มเติม ก็ให้กดที่ Mark

  • ต้องการใส่โน้ตเพิ่มให้กด Add Annotation แล้วใส่ข้อความ





  • ต้องการใส่ลายน้ำให้กด Add Watermark แล้วใส่ข้อความ  สามารถกดเลือกสีข้อความได้ที่แถบด้านล่าง



8.ในตอนแรกเอกสารนี้ถูกจัดเก็บเป็นไฟล์ภาพ เมื่อเราต้องการส่งเอกสารออก ให้กดเลือกเอกสารแล้วกดเข้าไปที่ PDF เพื่อทำการแปลงไฟล์ให้เป็น PDF



9.เมื่อต้องการส่งเอกสารออก ก็กดที่เครื่องหมายแชร์เอกสารนี้ แล้วเลือกว่าจะส่งผ่านทางใด ก็กดเลือกตามความต้องการเลย


10.หากมีการแก้ไขเพิ่มเติม ให้กดเข้าไปที่สัญลักษณ์แก้ไข ตกแต่งเอกสาร แล้วเลือกปรับตั้งค่าได้ตามแต่ละขั้นตอนที่กล่าวมาก่อนหน้านี้



สุดท้ายนี้ ถ้าหากใครยังรู้สึกติดขัดตรงขั้นตอนไหน สามารถดูคลิปวิดีโอนี้เพื่อเพิ่มความเข้าใจมากยิ่งขึ้นได้เลยค่าาา



ปล. วิธีใช้ก็ง่ายประโยชน์ก็เยอะ บอกเลยเป็นแอพพลิเคชันที่เพื่อนๆคู่ควร ควรมีไว้ครอบครองมากๆค่ะ  โดยเพื่อนๆสามารถเข้าไปดาวน์โหลดแอพพลิเคชันนี้ได้ที่ App storeได้เลยค่ะ 


ขอบคุณที่มาและรูปภาพจาก

http://www.thaiandroidphone.com/thread-52203-1-1.html





วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คอมพิวเตอร์เเละระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์




ที่มา https://supawannuannil.wordpress.com/
หลายๆคนก็คงจะทราบกันอยู่แล้วว่า คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์  ที่เราใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการจัดการกับข้อมูลที่อาจเป็นได้ ทั้งตัวเลข ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ที่ใช้แทนความหมายในสิ่งต่าง ๆ  แต่รู้หรือไม่ว่า การทำงานของคอมพิวเตอร์เป็นยังไง ถ้ายังไม่รู้ก็มาดูกันเล้ยย

เครื่องคอมพิวเตอร์จะมีวงจรการทำงานพื้นฐาน 4 อย่าง (IPOS cycle) คือ
Ø รับข้อมูล (Input)  เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการรับข้อมูลจากหน่วยรับข้อมูล (input unit) เช่น เมาส์
Ø ประมวลผล (Processing) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการประมวลผลกับข้อมูล เพื่อแปลงให้อยู่ในรูปอื่นตามที่ต้องการ
Ø แสดงผล (Output) เครื่องคอมพิวเตอร์จะให้ผลลัพธ์จากการประมวลผลออกมายังหน่วยแสดงผลลัพธ์ (output unit) เช่น เครื่องพิมพ์ หรือจอภาพ
Ø เก็บข้อมูล (Storage) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการเก็บผลลัพธ์จากการประมวลผลไว้ในหน่วยเก็บข้อมูล เพื่อให้สามารถนำมาใช้ใหม่ได้ในอนาคต
คอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยอุปกรณ์ที่สำคัญ 2 ส่วน ...
Hardware
-เป็นส่วนที่ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่สามารถมองเห็นและสัมผัสได้ 
Software
-เป็น ชุดคำสั่งที่เขียนขึ้นโดยโปรแกรมเมอร์ เพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน ซอฟต์แวร์จะถูกอ่านจากหน่วยบันทึกข้อมูล ส่งต่อไปยังซีพียู เพื่อควบคุมการประมวลผล และคำนวณ
ซอฟต์แวร์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
 (1) ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ (Operating System Software) ...
เป็นซอฟต์แวร์ที่ควบคุมการทำงานทั้งหมดของฮาร์ดแวร์  ซึ่งคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต้องมีระบบปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ เช่น window xp

 (2) ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)
เป็นชุดคำสั่งที่เขียนขึ้นเพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานเฉพาะด้านต่างๆ ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ซอฟต์แวร์ประยุกต์จำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ
·         ซอฟต์แวร์สำหรับงานเฉพาะด้าน (Special Purpose Software)  เช่น โปรแกรมสำหรับการซื้อขาย มีประโยชน์กับร้านค้า หรือโปรแกรมสำหรับฝากถอนเงิน 
·         ซอฟต์แวร์สำหรับงานทั่วไป (General purpose Software) เป็นซอฟต์แวร์ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานส่วนตัวได้อย่างหลากหลาย  เช่น Microsoft Word

เมื่อมีคอมพิวแตอร์ตั้งเอาไว้เฉยๆ ก็ดูไม่มีประโยชน์อะไร การจะใช้งานจากคอมพิวเตอร์ได้นั้นก็ต้องมีการการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างคอมพิวเตอร์จำนวนตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไปเป็น ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์นี้มีไว้เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆในเครือข่าย จะใช้สื่อที่เป็นสายเคเบิลหรือสื่อไร้สาย

ชักอยากจะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แล้วสิ ไปดูกันเถอะ

เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (computer network) เป็นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงเข้าด้วยกันเพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลทรัพยากรร่วมกันได้ เช่น สามารถใช้เครื่องพิมพ์ร่วมกัน สามารถใช้ฮาร์ดดิสก์ร่วมกัน แบ่งปันการใช้อุปกรณ์อื่นๆ ที่มีราคาแพงหรือไม่สามารถจัดหาให้ทุกคนได้ แม้กระทั่งสามารถใช้โปรแกรมร่วมกันได้เป็นการลดต้นทุนขององค์กรเครือข่ายคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกเป็นประเภทตามพื้นที่ที่ครอบคลุมการใช้งานของเครือข่าย ดังนี้
1)         เครือข่ายส่วนบุคคล หรือแพน (Personal Area Network : PAN)
เป็นเครือข่ายที่ใช้ส่วนบุคคล เช่น การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับโทรศัพท์มือถือ

2)         เครือข่ายเฉพาะที่ หรือแลน (Local Area Network: LAN)
เป็นเครือข่ายที่ใช้ในการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เช่น ภายในบ้าน ภายในสำนักงาน และภายในอาคาร สำหรับการใช้งานภายในบ้านนั้นอาจเรียกเครือข่ายประเภทนี้ว่า เครือข่ายที่พักอาศัย (home network) ซึ่งอาจใช้การเชื่อมต่อแบบใช้สายหรือไร้สาย

3)        เครือข่ายนครหลวง หรือแมน (Metropolitan Area Network : MAN)
 เป็นเครือข่ายที่ใช้เชื่อมโยงแลนที่อยู่ห่างไกลออกไป  เช่น  การเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างสำนักงานที่อาจอยู่คนละอาคารและมีระยะทางไกลกัน  เครือข่ายแบบนี้ใช้ในสถานศึกษามีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเครือข่ายแคมปัส (Campus Area Network: CAN)

4)        เครือข่ายวงกว้าง หรือแวน  (Wide Area Network: WAN)  เป็นเครือข่ายที่ใช้ในการเชื่อมโยงกับเครือข่ายอื่นที่อยู่ไกลกันมาก เช่น เครือข่ายระหว่างจังหวัด หรือระหว่างภาครวมไปถึงเครือข่ายระหว่างประเทศ

ลักษณะของเครือข่าย ในการใช้งานเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ทรัพยากรร่วมกันสามารถแง่ลักษณะของเครือข่ายตามบทบาทของเครื่องคอมพิวเตอร์ในการสื่อสารได้ดังนี้
       1)    เครือข่ายแบบรับ-ให้บริการหรือไคลเอนท์/เซิร์ฟเวอร์ (client-server network)


      จะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นเครื่องให้บริการต่างๆ  เช่น  บริการเว็บ    การให้บริการขึ้นกับการร้องขอ บริการจากเครื่องรับบริการ  เช่น  การเปิดเว็บเพจ  เครื่องรับบริการจะร้องขอบริการไปที่เครื่องบริการเว็บ  จากนั้นเครื่องให้บริการเว็บจะตอบรับและส่งข้อมูลกลับมาให้เครื่องรับบริการ
- ข้อดีของระบบนี้คือสามารถให้บริการแก่เครื่องรับบริการได้เป็นจำนวนมาก
- ข้อด้อยคือระบบนี้มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและการบำรุงรักษาค่อนข้างสูง  

2) เครือข่ายระดับเดียวกัน (Peer-to-Peer network : P2P network)
 เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถเป็นได้ทั้งเครื่องให้บริการและเครื่องรับบริการในขณะเดียวกัน การใช้งานส่วนใหญ่มักใช้ในการแบ่งปันข้อมูล เช่น เพลง ภาพยนตร์
            -ข้อดีของระบบแบบนี้คือง่ายต่อการใช้งาน และราคาไม่แพง
            -ข้อด้อยคือไม่มีการควบคุมเรื่องความปลอดภัย อาจถูกนำไปใช้ประโยชน์ในทางไม่ถูกต้อง 


รูปร่างเครือข่าย การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์รับส่งข้อมูลที่ประกอบกันเป็นเครือข่ายที่มีการเชื่อมโยงถึงกันในรูปแบบต่างๆ ตามลักษณะทางกายภาพที่เรียกว่ารูปร่างเครือข่าย (network topology) โดยทั่วไปรูปร่างเครือข่ายสามารถแบ่งออกตามลักษณะของการเชื่อมต่อได้ 4 รูปแบบคือ

1.)    เครือข่ายแบบบัส  bus topology

เป็นรูปแบบที่มีโครงสร้างไม่ยุ่งยาก สถานีทุกสถานีในเครือข่ายจะเชื่อมต่อเข้ากับสายสื่อสารหลักเพียงสายเดียวที่เรียกว่า บัส (bus) การจัดส่งข้อมูลลงบนบัสจึงไปถึงทุกสถานีได้ ซึ่งการจัดส่งวิธีนี้ต้องกำหนดวิธีการที่จะไม่ให้ทุกสถานีส่งข้อมูลพร้อมกันเพราะจะทำให้เกิดการชนกัน (collison) ของข้อมูล โดยวิธีการที่ใช้อาจเป็นการแบ่งช่วงเวลาหรือให้แต่ละสถานีใช้คลื่นความถี่ในการส่งสัญญาณที่แตกต่างกัน  หากมีความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบัสเพียงจุดเดียวก็จะส่งผลให้ทุกอุปกรณ์ไม่สามารถสื่อสารถึงกันได้เลย

2.)    เครือข่ายแบบวงแหวน ring topology



 เป็นการเชื่อมแต่ละสถานีเข้าด้วยกันแบบวงแหวน สัญญาณข้อมูลจะส่งอยู่ในวงแหวนไปในทิศทางเดียวกันจนถึงผู้รับ หากข้อมูลที่ส่งเป็นของสถานีใด สถานีนั้นก็รับไว้ ถ้าไม่ใช่ก็ส่งต่อไป ซึ่งระบบเครือข่ายแบบวงแหวนนี้ สามารถรองรับจำนวนสถานีได้เป็นจำนวนมาก ข้อด้อยของเครือข่ายแบบวงแหวน คือ สถานีจะต้องรอจนถึงรอบของตนเอง ก่อนที่จะสามารถส่งข้อมูลได้ รูปร่างเครือข่ายแบบวงแหวน 


3.)    เครือข่ายแบบดาว star topology

 เป็นการเชื่อมต่อสถานีในเครือข่าย โดยทุกสถานีจะต่อเข้ากับหน่วยสลับสายกลาง เช่น ฮับ (hub) หรือสวิตซ์ (switch) ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อระหว่างสถานีต่างๆ ที่ต้องการติดต่อกัน ของดีของการเชื่อมต่อแบบดาว คือ ถ้าสถานีใดเสีย หรือสายเชื่อมต่อระหว่างฮับ/สวิตซ์กับสถานีใดชำรุด ก็จะไม่กระทบกับการเชื่อมต่อของสถานีอื่น ดังนั้นการเชื่อมต่อแบบนี้จึงเป็นที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน



4.)    เครือข่ายแบบ ไฮบริด   Hybrid





เป็นการเชื่อมต่อที่ผสมผสานเครือข่ายย่อยๆ หลายส่วนมารวมเข้าด้วยกัน เช่น นำเอาเครือข่ายระบบ Bus, ระบบ Ring และ ระบบ Star มาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน เหมาะสำหรับบางหน่วยงานที่มีเครือข่ายเก่าและใหม่ให้สามารถทำงานร่วมกันได้ ซึ่งระบบ Hybrid Network นี้จะมีโครงสร้างแบบ Hierarchical หรือ Tre ที่มีลำดับชั้นในการทำงาน


อุปกรณ์ที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูลคอมพิวเตอร์

1.โมเด็ม (Modem)

ที่มารูปภาพ: http://www.buycoms.com/buyers-guide/modem/index.asp


2.การ์ดเครือข่าย (Network  Adapter) หรือ การ์ด LAN


ที่มารูปภาพ: http://www.itdestination.com/articles/lancard1000base/


3. เกตเวย์ (Gateway)


ที่มารูปภาพ: http://www3.ipst.ac.th/research/assets/web/mahidol/computer(10)/network/net_wan9.htm

4. เราเตอร์ (Router)


ที่มารูปภาพ: http://forums.overclockzone.com/forums/showthread.php?t=417552
5. บริดจ์ (Bridge)




6. รีพีตเตอร์ (Repeater)







7.สายสัญญาณ

ที่มารูปภาพ: http://en.wikipedia.org/wiki/Coaxial_cable 



8.สาย UTP (Unshied  Twisted  Pair) 

ที่มารูปภาพ: http://www.digitalfocus.co.th/network.php อธิบายภาพ



9. ฮับ (HUB)

ที่มารูปภาพ: http://it.stoulaws.com/2008/12/hub/
ที่มา ข้อมูล+รูปภาพ
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C
https://praewpan56.wordpress.com/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD/

https://sites.google.com/site/wiparat0001/bth-thi-hnung
http://home.kku.ac.th/hslib/412141/412141_2548/c1s1intro.htm
http://www.dms.moph.go.th/dmsict/it03.html
http://csmju.jowave.com/cs100_v2/lesson4-4.html