![]() |
ที่มา https://supawannuannil.wordpress.com/ |
เครื่องคอมพิวเตอร์จะมีวงจรการทำงานพื้นฐาน
4 อย่าง (IPOS cycle) คือ
Ø รับข้อมูล (Input) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการรับข้อมูลจากหน่วยรับข้อมูล
(input unit) เช่น เมาส์
Ø ประมวลผล (Processing) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการประมวลผลกับข้อมูล
เพื่อแปลงให้อยู่ในรูปอื่นตามที่ต้องการ
Ø แสดงผล (Output) เครื่องคอมพิวเตอร์จะให้ผลลัพธ์จากการประมวลผลออกมายังหน่วยแสดงผลลัพธ์
(output unit) เช่น เครื่องพิมพ์ หรือจอภาพ
Ø เก็บข้อมูล (Storage) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการเก็บผลลัพธ์จากการประมวลผลไว้ในหน่วยเก็บข้อมูล
เพื่อให้สามารถนำมาใช้ใหม่ได้ในอนาคต
คอมพิวเตอร์
ประกอบด้วยอุปกรณ์ที่สำคัญ 2
ส่วน ...
Hardware
-เป็นส่วนที่ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่สามารถมองเห็นและสัมผัสได้
Software
-เป็น
ชุดคำสั่งที่เขียนขึ้นโดยโปรแกรมเมอร์ เพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน
ซอฟต์แวร์จะถูกอ่านจากหน่วยบันทึกข้อมูล ส่งต่อไปยังซีพียู เพื่อควบคุมการประมวลผล
และคำนวณ
ซอฟต์แวร์
แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
(1) ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ (Operating System Software) ...
เป็นซอฟต์แวร์ที่ควบคุมการทำงานทั้งหมดของฮาร์ดแวร์
ซึ่งคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต้องมีระบบปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ เช่น window xp
(2) ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)
เป็นชุดคำสั่งที่เขียนขึ้นเพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานเฉพาะด้านต่างๆ
ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ซอฟต์แวร์ประยุกต์จำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ
· ซอฟต์แวร์สำหรับงานเฉพาะด้าน (Special Purpose Software) เช่น โปรแกรมสำหรับการซื้อขาย มีประโยชน์กับร้านค้า
หรือโปรแกรมสำหรับฝากถอนเงิน
· ซอฟต์แวร์สำหรับงานทั่วไป (General purpose Software) เป็นซอฟต์แวร์ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานส่วนตัวได้อย่างหลากหลาย เช่น Microsoft Word
เมื่อมีคอมพิวแตอร์ตั้งเอาไว้เฉยๆ
ก็ดูไม่มีประโยชน์อะไร การจะใช้งานจากคอมพิวเตอร์ได้นั้นก็ต้องมีการการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างคอมพิวเตอร์จำนวนตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไปเป็น ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์นี้มีไว้เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆในเครือข่าย
จะใช้สื่อที่เป็นสายเคเบิลหรือสื่อไร้สาย
ชักอยากจะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แล้วสิ
ไปดูกันเถอะ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
(computer network) เป็นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงเข้าด้วยกันเพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลทรัพยากรร่วมกันได้
เช่น สามารถใช้เครื่องพิมพ์ร่วมกัน สามารถใช้ฮาร์ดดิสก์ร่วมกัน
แบ่งปันการใช้อุปกรณ์อื่นๆ ที่มีราคาแพงหรือไม่สามารถจัดหาให้ทุกคนได้ แม้กระทั่งสามารถใช้โปรแกรมร่วมกันได้เป็นการลดต้นทุนขององค์กรเครือข่ายคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกเป็นประเภทตามพื้นที่ที่ครอบคลุมการใช้งานของเครือข่าย
ดังนี้
1) เครือข่ายส่วนบุคคล หรือแพน (Personal Area Network : PAN)
เป็นเครือข่ายที่ใช้ส่วนบุคคล
เช่น การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับโทรศัพท์มือถือ
2) เครือข่ายเฉพาะที่ หรือแลน (Local Area Network: LAN)
เป็นเครือข่ายที่ใช้ในการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ
ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เช่น ภายในบ้าน ภายในสำนักงาน
และภายในอาคาร สำหรับการใช้งานภายในบ้านนั้นอาจเรียกเครือข่ายประเภทนี้ว่า
เครือข่ายที่พักอาศัย (home
network) ซึ่งอาจใช้การเชื่อมต่อแบบใช้สายหรือไร้สาย
3) เครือข่ายนครหลวง หรือแมน (Metropolitan Area Network : MAN)
เป็นเครือข่ายที่ใช้เชื่อมโยงแลนที่อยู่ห่างไกลออกไป เช่น
การเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างสำนักงานที่อาจอยู่คนละอาคารและมีระยะทางไกลกัน
เครือข่ายแบบนี้ใช้ในสถานศึกษามีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเครือข่ายแคมปัส
(Campus Area Network:
CAN)
4) เครือข่ายวงกว้าง หรือแวน (Wide Area Network: WAN)
เป็นเครือข่ายที่ใช้ในการเชื่อมโยงกับเครือข่ายอื่นที่อยู่ไกลกันมาก
เช่น เครือข่ายระหว่างจังหวัด หรือระหว่างภาครวมไปถึงเครือข่ายระหว่างประเทศ
ลักษณะของเครือข่าย
ในการใช้งานเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ทรัพยากรร่วมกันสามารถแง่ลักษณะของเครือข่ายตามบทบาทของเครื่องคอมพิวเตอร์ในการสื่อสารได้ดังนี้
1) เครือข่ายแบบรับ-ให้บริการหรือไคลเอนท์/เซิร์ฟเวอร์
(client-server network)
จะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นเครื่องให้บริการต่างๆ เช่น
บริการเว็บ การให้บริการขึ้นกับการร้องขอ บริการจากเครื่องรับบริการ เช่น
การเปิดเว็บเพจ
เครื่องรับบริการจะร้องขอบริการไปที่เครื่องบริการเว็บ
จากนั้นเครื่องให้บริการเว็บจะตอบรับและส่งข้อมูลกลับมาให้เครื่องรับบริการ
-
ข้อดีของระบบนี้คือสามารถให้บริการแก่เครื่องรับบริการได้เป็นจำนวนมาก
-
ข้อด้อยคือระบบนี้มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและการบำรุงรักษาค่อนข้างสูง
2) เครือข่ายระดับเดียวกัน (Peer-to-Peer network : P2P network)
เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถเป็นได้ทั้งเครื่องให้บริการและเครื่องรับบริการในขณะเดียวกัน
การใช้งานส่วนใหญ่มักใช้ในการแบ่งปันข้อมูล เช่น เพลง ภาพยนตร์
-ข้อดีของระบบแบบนี้คือง่ายต่อการใช้งาน
และราคาไม่แพง
-ข้อด้อยคือไม่มีการควบคุมเรื่องความปลอดภัย
อาจถูกนำไปใช้ประโยชน์ในทางไม่ถูกต้อง
รูปร่างเครือข่าย
การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์รับส่งข้อมูลที่ประกอบกันเป็นเครือข่ายที่มีการเชื่อมโยงถึงกันในรูปแบบต่างๆ
ตามลักษณะทางกายภาพที่เรียกว่ารูปร่างเครือข่าย (network topology) โดยทั่วไปรูปร่างเครือข่ายสามารถแบ่งออกตามลักษณะของการเชื่อมต่อได้
4 รูปแบบคือ
1.) เครือข่ายแบบบัส bus topology
เป็นรูปแบบที่มีโครงสร้างไม่ยุ่งยาก
สถานีทุกสถานีในเครือข่ายจะเชื่อมต่อเข้ากับสายสื่อสารหลักเพียงสายเดียวที่เรียกว่า
บัส (bus) การจัดส่งข้อมูลลงบนบัสจึงไปถึงทุกสถานีได้
ซึ่งการจัดส่งวิธีนี้ต้องกำหนดวิธีการที่จะไม่ให้ทุกสถานีส่งข้อมูลพร้อมกันเพราะจะทำให้เกิดการชนกัน
(collison) ของข้อมูล
โดยวิธีการที่ใช้อาจเป็นการแบ่งช่วงเวลาหรือให้แต่ละสถานีใช้คลื่นความถี่ในการส่งสัญญาณที่แตกต่างกัน
หากมีความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบัสเพียงจุดเดียวก็จะส่งผลให้ทุกอุปกรณ์ไม่สามารถสื่อสารถึงกันได้เลย
2.) เครือข่ายแบบวงแหวน ring topology
เป็นการเชื่อมแต่ละสถานีเข้าด้วยกันแบบวงแหวน
สัญญาณข้อมูลจะส่งอยู่ในวงแหวนไปในทิศทางเดียวกันจนถึงผู้รับ
หากข้อมูลที่ส่งเป็นของสถานีใด สถานีนั้นก็รับไว้ ถ้าไม่ใช่ก็ส่งต่อไป
ซึ่งระบบเครือข่ายแบบวงแหวนนี้ สามารถรองรับจำนวนสถานีได้เป็นจำนวนมาก
ข้อด้อยของเครือข่ายแบบวงแหวน คือ สถานีจะต้องรอจนถึงรอบของตนเอง
ก่อนที่จะสามารถส่งข้อมูลได้ รูปร่างเครือข่ายแบบวงแหวน
3.) เครือข่ายแบบดาว star topology
เป็นการเชื่อมต่อสถานีในเครือข่าย
โดยทุกสถานีจะต่อเข้ากับหน่วยสลับสายกลาง เช่น ฮับ (hub) หรือสวิตซ์ (switch) ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อระหว่างสถานีต่างๆ
ที่ต้องการติดต่อกัน ของดีของการเชื่อมต่อแบบดาว คือ ถ้าสถานีใดเสีย
หรือสายเชื่อมต่อระหว่างฮับ/สวิตซ์กับสถานีใดชำรุด
ก็จะไม่กระทบกับการเชื่อมต่อของสถานีอื่น
ดังนั้นการเชื่อมต่อแบบนี้จึงเป็นที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน
4.) เครือข่ายแบบ ไฮบริด Hybrid
เป็นการเชื่อมต่อที่ผสมผสานเครือข่ายย่อยๆ
หลายส่วนมารวมเข้าด้วยกัน เช่น นำเอาเครือข่ายระบบ Bus, ระบบ Ring และ ระบบ Star
มาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน
เหมาะสำหรับบางหน่วยงานที่มีเครือข่ายเก่าและใหม่ให้สามารถทำงานร่วมกันได้
ซึ่งระบบ Hybrid Network นี้จะมีโครงสร้างแบบ Hierarchical หรือ Tre ที่มีลำดับชั้นในการทำงาน
อุปกรณ์ที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูลคอมพิวเตอร์
1.โมเด็ม
(Modem)
![]() |
ที่มารูปภาพ: http://www.buycoms.com/buyers-guide/modem/index.asp |
2.การ์ดเครือข่าย (Network Adapter) หรือ การ์ด LAN
![]() |
ที่มารูปภาพ: http://www.itdestination.com/articles/lancard1000base/ |
3. เกตเวย์ (Gateway)
![]() |
ที่มารูปภาพ: http://www3.ipst.ac.th/research/assets/web/mahidol/computer(10)/network/net_wan9.htm
4. เราเตอร์ (Router)
![]() |
ที่มารูปภาพ: http://forums.overclockzone.com/forums/showthread.php?t=417552 |
5. บริดจ์ (Bridge)
6. รีพีตเตอร์ (Repeater)
7.สายสัญญาณ
![]() |
ที่มารูปภาพ: http://en.wikipedia.org/wiki/Coaxial_cable
|
8.สาย
UTP (Unshied Twisted
Pair)
![]() |
ที่มารูปภาพ: http://www.digitalfocus.co.th/network.php อธิบายภาพ |
9. ฮับ (HUB)
![]() |
ที่มารูปภาพ: http://it.stoulaws.com/2008/12/hub/ |
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C
https://praewpan56.wordpress.com/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD/
https://sites.google.com/site/wiparat0001/bth-thi-hnung
http://home.kku.ac.th/hslib/412141/412141_2548/c1s1intro.htm
http://www.dms.moph.go.th/dmsict/it03.html
http://csmju.jowave.com/cs100_v2/lesson4-4.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น