วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์( Java )




ขอบคุณภาพจาก http://www.amplysoft.com/knowledge/



หากเราจะเปรียบภาษากับสิ่งหนึ่ง ภาษาก็คงเปรียบเหมือนเครื่องมือที่มนุษย์ใช้ในการติดต่อสื่อสาร สื่อความหมาย สื่อความรู้สึกนึกคิด ซึ่งภาษาที่มนุษย์เราใช้ติดต่อสื่อสารกันทุกวันนี้ เรียกว่าภาษาธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน เป็นต้น นอกจากมนุษย์จะมีภาษาไว้ใช้แล้ว  รู้หรือไม่ว่าสิ่งไม่มีชีวิตที่เรียกว่าคอมพิวเตอร์ก็มีภาษาเพื่อติดต่อ(กับคอมพิวเตอร์)ด้วยเช่นเดียวกัน  ซึ่งภาษาคอมพิวเตอร์นี้จะเป็นภาษาประดิษฐ์ ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเอง เป็นภาษาที่มีจุดมุ่งหมายเฉพาะ มีกฏเกณฑ์ตายตัวและจำกัด คืออยู่ในกรอบให้ใช้คำและไวยากรณ์ที่กำหนดและมีการตีความหมายที่ชัดเจน  ภาษาประดิษฐ์นี้มีความแตกต่างจากภาษาธรรมชาติตรงที่ภาษาธรรมขาตินั้น มีขอบเขตกว้างมาก   กฏเกณฑ์ ก็ขึ้นกับหลักไวยากรณ์และการยอมรับของกลุ่มผู้ใช้แต่ละกลุ่ม  ไม่มีรูปแบบตายตัวเหมือนกับภาษาคอมพิวเตอร์



อืมมม....ชักอยากรู้แล้วสิว่า ภาษาคอมพิวเตอร์นั้นเป็นยังไงบ้างจะซับซ้อนปวดหัวเหมือนภาษามนุษย์เรามั้ยน้า  มาดูกันดีกว่า


ภาษาคอมพิวเตอร์ อาจแบ่งได้เป็น 3 ระดับ คือภาษาเครื่อง ภาษาระดับต่ำ และภาษาระดับสูง
 1. ภาษาเครื่อง
ภาษานี้ประกอบด้วยตัวเลขล้วน ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้ทันที ผู้ที่จะเขียนโปรแกรมภาษาเครื่องได้ ต้องสามารถจำรหัสแทนคำสั่งต่าง ๆ ได้ และในการคำนวณต้องสามารถจำได้ว่าจำนวนต่าง ๆ ที่ใช้ในการคำนวณนั้นถูกเก็บไว้ที่ตำแหน่งใด ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดในการเขียนโปรแกรมจึงมีมาก นอกจากนี้เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละระบบมีภาษาเครื่องที่แตกต่างกันออก ทำให้เกิดความไม่สะดวกเมื่อมีการเปลี่ยนเครื่องคอมพิวเตอร์เพราะจะต้องเขียนโปรแกรมใหม่ทั้งหมด
2. ภาษาระดับต่ำ
ภาษาระดับต่ำนี้จะมีการใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษเป็นรหัสแทนการทำงาน การใช้และการตั้งชื่อตัวแปรแทนตำแหน่งที่ใช้เก็บจำนวนต่าง ๆ ซึ่งเป็นค่าของตัวแปรนั้น ๆ บางครั้งจึงเรียกภาษานี้ว่า  ภาษาอิงเครื่อง” (Machine – Oriented Language) ตัวอย่าง เช่น ภาษาแอสเซมบลี
3. ภาษาระดับสูง
ภาษาระดับสูงเป็นภาษาที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการเขียนโปรแกรมกล่าวคือลักษณะของคำสั่งจะประกอบด้วยคำต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษ ซึ่งผู้อ่านสามารถเข้าใจความหมายได้ทันที ได้แก่ ภาษาซี (C)  ภาษาซี-พลัสพลัส (C++)   ภาษาจาวา (Java) ภาษาฟอร์แทรน ภาษาโคบอล ภาษาปาสคาล ภาษาวิชวลเบสิก การเขียนโปรแกรมแบบจินตภาพ และภาษาเดลฟาย
  • ภาษาซีและซี-พลัสพลัส(C/C++) เป็นภาษาที่มีใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกระดับ เนื่องจากภาษาซีได้รวมเอาข้อมูลของภาษาระดับสูงและภาษาระดับต่ำเข้าไว้ด้วยกัน กล่าวคือ เป็นภาษาที่มีไวยากรณ์ที่เข้าใจง่ายทำให้เขียนโปรแกรมได้ง่ายเช่นเดียวกับภาษาระดับสูงทั่วไป แต่ประสิทธิภาพและความเร็ว ในการทำงานดีกว่ามาก เนื่องจากมีการทำงานเหมือนภาษาระดับต่ำ สามารถทำงานได้ในระดับที่เป็นการควบคุมฮาร์ดแวร์ได้มากกว่าภาษาระดับสูงอื่นๆ  นอกจากนี้ ภาษาซีก็ยังได้รับการพัฒนาโดยประยุกต์ใช้กับการเขียนโปรแกรม เกิดเป็นภาษาใหม่ชื่อว่า ภาษาซีพลัสพลัส
  •  ภาษาซีชาร์ป ( C#) ถูกพัฒนามาจากภาษาซี-พลัสพลัส(C++) และมีโครงสร้างแบบเชิงวัตถุ (object-oriented programming) โดยใช้ Visual Studio เป็นเครื่องมือสาหรับพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่ง Visual Studio เป็นเครื่องมือที่อำนวยความสะดวกในการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทำให้ผู้เขียนโปรแกรมสามารถพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ไม่ยาก
  • ภาษาจาวา(Java) เป็นภาษาที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถเขียนโปรแกรมและใช้งานได้ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกประเภทและระบบปฏิบัติการทุกรูปแบบ ในช่วงแรกที่มีการนำภาษาจาวามาใช้งาน จะเป็นการใช้งานบนอินเทอร์เน็ต เป็นภาษาที่เน้นการทำงานบนเว็บ แต่ปัจจุบันสามารถนำมาประยุกต์สร้างโปรแกรมใช้งานทั่วไปได้ 
   อู้หูวววว เท่าที่ดูกันไปคร่าวๆ จะเห็นได้ว่าภาษาคอมพิวเตอร์นี้มีเยอะแยะมากมายแต่ภาษาหนึ่งที่ฉันสนใจและจะมาอธิบายรายละเอียดก็คือภาษาJavaนั่นเอง 

ก่อนอื่นเลยเรามาทำความรู้จักก่อนดีกว่าว่า ภาษาจาวามีประวัติความเป็นมาอย่างไร


ขอบคุณภาพจาก http://share.olanlab.com/th/it/blog/view/37

    ภาษา Java

    Java เป็นภาษาโปรแกรมที่ใช้ในการเขียนคำสั่งสั่งงานคอมพิวเตอร์ถูกพัฒนาโดย เจมส์ กอสลิง และวิศวกรของ ซัน ไมโครซิสเต็มส์ในปีค.ศ.1991 ปัจจุบันเป็นส่วนนึงของออราเคิล ก่อนจะได้ชื่อว่า Java เดิมทีภาษานี้เรียกว่า ภาษา Oak ซึ่งตั้งชื่อตามต้นไม้โอ๊ก แต่มีปัญหาทางลิขสิทธิ์จึงเปลี่ยนเป็น Java ซึ่งแปลว่า "กาแฟ" แทน ดังนั้นเราจึงเห็นโลโก้เป็นรูปถ้วยกาแฟ ภาษา Java ยังถูกพัฒนาจนถึงปัจจุบันโดยทีมของออราเคิล  ภาษาJavaเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยเพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ต่างๆ เช่น โทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ โดยมีเป้าหมายการทำงานเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่างๆได้อย่างกว้างขวาง และมีประสิทธิภาพ ใช้เวลาน้อย รวดเร็วในการพัฒนาโปรแกรม และสามารถเชื่อมต่อไปยังแพล็ตฟอร์ม (Platform) อื่นๆได้ง่าย  Java เป็นภาษาสำหรับเขียนโปรแกรมภาษาหนึ่งที่มีลักษณะสนับสนุนการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (OOP : Object-Oriented Programming) ที่ชัดเจน โปรแกรมต่าง ๆ ถูกสร้างภายในคลาส (Class) โปรแกรมเหล่านั้นเรียกว่า Method หรือ Behavior โดยปกติจะเรียกแต่ละ Class ว่า Object โดยแต่ละ Object มีพฤติกรรมมากมาย โปรแกรมที่สมบูรณ์จะเกิดจากหลาย object หรือหลาย Class มารวมกัน โดยแต่ละ Class จะมี Method หรือ Behavior แตกต่างกันไป

   รู้ประวัติแล้ว ไปดูกันว่าการเขียนภาษาจาวานั้นมีstepอย่างไรบ้าง

     การเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Java ประกอบด้วยขั้นตอนการทำงานทั้งหมด 3 ขั้นตอน ดังนี้

  ขั้นตอนที่ 1 สร้างโปรแกรมซอร์สโค้ด โดยการพิมพ์คำสั่งต่างๆ ตามหลักการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Java โดยใช้เอดิเตอร์ (Editor) หรือโปรแกรมที่สามารถพิมพ์ข้อความ (Text Editor) และสามารถบันทึกไฟล์เป็นรหัสแอสกี (ASCII) ได้ เช่น โปรแกรม Notepad หรือ โปรแกรม Editplus เป็นต้น หลังจากเขียนโปรแกรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้องทำการบันทึกข้อมูลเป็นไฟล์ที่มีชื่อเดียวกันกับชื่อคลาสของ Java และใช้นามสกุลไฟล์เป็น java ตัวอย่างเช่น TestJava.java


ขอบคุณภาพจาก http://settawut123456.blogspot.com/2013/05/java.html

  ขั้นตอนที่ 2 คอมไพล์โปรแกรมซอร์สโค้ด โดยการใช้คำสั่ง javac.exe ที่มากับการติดตั้ง JDK แล้ว มีรูปแบบคำสั่ง คือ javac  FileName.java เมื่อ FileName.java คือ ชื่อไฟล์ใดๆ ที่มีนามสกุล java  ถ้าไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ ผลลัพธ์ที่ได้จากการคอมไพล์ จะได้ไฟล์ไบต์โค้ดที่ชื่อเดียวกับชื่อคลาส ตัวอย่างเช่น  javac  TestJava.java หลังจากการคอมไพล์จะได้ไฟล์ TestJava.class ข้อสำคัญในการคอมไพล์ไฟล์ซอร์สโค้ด คือต้องพิมพ์ชื่อไฟล์พร้อมนามสกุลเป็น java เสมอ และต้องพิมพ์ชื่อไฟล์ด้วยตัวอักษรตัวใหญ่หรืตัวเล็กให้ถูกต้องตามการตั้งชื่อคลาส 
       ขั้นตอนที่ 3 ทำการรันโปรแกรม เพื่อดูผลลัพธ์ทางจอภาพโดยการรันไฟล์ไบต์โค้ด โดยการใช้คำสั่ง javac.exe ที่มากับการติดตั้ง JDK แล้วซึ่งมีรูปแบบคำสั่งคือ java  FileName เมื่อ FileName คือ ชื่อไฟล์ใดๆ ไม่ต้องมีนามสกุล

          ดังนั้นการรันโปรแกรมเพียงแค่พิมพ์ชื่อไฟล์ไม่ต้องพิมพ์นามสกุลของไฟล์ และต้องพิมพ์ชื่อไฟล์ด้วยตัวอักษรตัวใหญ่หรืตัวเล็กให้ถูกต้องตามชื่อคลาส  ตัวอย่างเช่น  java  TestJava  เมื่อ TestJava  คือชื่อไฟล์ TeatJava.class

ขอบคุณภาพจาก http://settawut123456.blogspot.com/2013/05/java.html


      เอ...จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ภาษาก็มีตั้งมากมาย ทำไมถึงเกิดภาษาจาวาขึ้นมาอีก แสดงว่ามันต้องมีข้อดีที่ไม่เหมือนภาษาอื่นๆแน่เลย ว่าแต่จะมีข้อดีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย

   ข้อดีของภาษา Java ได้แก่
1.  ภาษา Java เป็นภาษาโปรแกรมที่ง่ายในการเรียนรู้
2. ภาษา Java เป็นการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ OOP (Object-Oriented Programming)
3. ภาษา Java เป็นอิสระต่อแพล็ตฟอร์ม (Java is Platform-Independent)

4.ภาษา Java มีระบบการทำงานและมีระบบความปลอดภัยที่ดี

  สำหรับใครที่อ่านผ่านตัวอักษร และดูจากรูปแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจ ก็สามารถดูvideoการเขียน
โปรแกรมภาษาจาวาเบื้องต้น เพื่อเพิ่มความเข้าใจที่ข้างล่างนี้เลยค่า



                             ขอบคุณvideoจากhttps://www.youtube.com/watch?v=a1LX0bieeSg





ที่มา
http://krubpk.com/com_1/Content/Unit13.htm



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น